05 January 2014

ตารางประวัติศาสตร์ของมนุษย์

BC = ก่อนคริสตกาล
AD = หลังคริสตกาล

เวลา ยุคสมัย เหตุการณ์หลัก รายละเอียด
13,700 ล้าน BC เกิด big bang พลังงานเล็กจิ๋วกว่าอะตอมเกิดระเบิดอย่างฉับพลัน ภายในเศษเสี้ยววินาทีพลังงานที่เล็กกว่าอะตอมได้เปลี่ยนเป็นสิ่งที่ใหญ่กว่าดาราจักร , 380,000 ปีต่อมาเกิดอะตอมตัวแรกชื่อ ไฮโดรเจน
13,400 ล้าน BC เกิดธาตุ 25 ธาตุหลัก ความถ่วงบีบอัดกลุ่มก๊าซและฝุ่นทำให้ความดันและความร้อนเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรง อุณหภูมิสูง 18 ล้านองศาฟาเรนไฮ ไฮโดรเจนชนกันเกิดเป็นฮีเลียม มีการปล่อยพลังงานรุนแรง เกิดธาตุทั้ง 25 ธาตุหลัก ดาราจักรตอนนั้นยังไม่มีดาวเคราะห์
12,000 ล้าน BC Super nova ดาวระเบิดทำลายตัวเองเรียกว่า supernova เกิดพลังานหลอมธาตุที่มีอยู่สร้างธาตุอย่างยูเรเนียม ทองคำ ทองแดง ตอนนี้ตารางธาตุมีธาตุสมบูรณ์แล้ว
4,600 ล้าน BC เกิดระบบสุริยะ เกิดโลก เกิดดวงอาทิตย์ เกิดระบบสุริยะ ตอนนั้นโลกหมุนเร็ว 6 ชม./วัน โลกมีแต่ลาวาหลอมเหลว ธาตุต่างๆถูกจัดการด้วยความถ่วง ธาตุหนักจมก่อตัวเป็นแกนเหล็กและนิกเกิ้ล ธาตุที่เบากว่าลอย เกิดศูนย์กลางโลก เกิดสนามแม่เหล็กคอยปกป้องโลก
4,500 ล้าน BC เกิดดวงจันทร์ มีวัตถุขนาดเท่าดาวอังคารชนโลก มีเศษหลอมส่วนหนึงกระเด็นออกสู่อวกาศโคจรอยู่รอบโลกเรียกว่าดวงจันทร์ การชนทำให้แกนโลกเอียง ดวงจันทร์ทำให้โลกมั่นคง แรงดึงโน้มถ่วงป้องกันไม่ให้ดาวเคราะห์เสียศูนย์ ป้องกันจากภูมิอากาศที่เปลี่ยนอย่างรุนแรง ทำให้เกิดฤดูกาล ความถ่วงบนดวงจันทร์ชะลอการหมุนของโลกทำให้โลกหมุนช้าลงจาก 6 ชม. เป็น 24 ชม./วัน
4,400 ล้าน BC ฝนตกบนโลก โลกร้อนมากยังไม่มีน้ำ แต่มีไอน้ำ ฝนเริ่มตกทำให้โลกเย็นลงและเกิดแหล่งน้ำ ทะเลสาปและมหาสมุทร
3,800 ล้าน BC เกิดสิ่งมีชีวิตแรกบนโลก ตอนนี้โลกมีดวงจันทร์และมหาสมุทรแล้วแต่ยังไม่เหมือนโลกในปัจจุบัน ยังไม่มีออกซิเจนมากพอ DNA สายแรกเกิดจาก ไฮโดรเจน ออกซิเจน คาร์บอนและไนโตรเจน เกิดเป็นสิ่งมีชีวิตชนิดแรกของโลกคือแบคทีเรีย
2,500 ล้าน BC เกิดออกซิเจน แบคทีเรียรู้จักการนำแสงอาทิตย์มาดำรงชีพสร้างของเสียคือออกซิเจน ทะเลโบราณเต็มไปด้วยเหล็ก เหล็กเจอกับออกซิเจนขึ้นสนิมสะสมบนพื้นทะเลหลายพันปีจนเหล็กหมดจากทะเล แบคทีเรียสร้างออกซิเจนมากจนเต็มทะเลและรั่วออกสู่บรรยากาศ
550 ล้าน BC มีโอโซน พืชเริ่มย้ายขึ้นบก ออกซิเจนในอากาศสูง 13% ในยุคแคมเบรียน พืชและสัตว์เริ่มแรกอาศัยอยู่ในทะเลเท่านั้น พอมีชั้นโอโซนคอยปกป้องเราจากรังสีอันตราย พืชเริ่มเคลื่อนย้ายขึ้นบกเป็นอันดับแรก มีปลากระดูกแข็งชนิดแรกวิวัฒนาการขึ้นในทะเล
500 ล้าน BC สิ่งมีชีวิตเชิงซ้อนมากขึ้น สิ่งมีชีวิตมีวิวัฒนาการเป็นเชิงซ้อนมากขึ้น ท้องฟ้ามีสีฟ้า มีแผ่นดิน
400 ล้าน BC สัตว์เริ่มย้ายขึ้นบก สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก(ซึ่งเป็นสัตว์เลื้อยคลายในเวลาต่อมา)ขึ้นฝั่งครั้งแรกและแก้ปัญหาการขาดน้ำด้วยไข่ที่มีเปลือกแข็งหุ้ม
300 ล้าน BC มีถ่านหิน สิ่งมีชีวิตงอกงามในหนองน้ำใหญ่ในเขตร้อน พืชล้มตายทับถมกลายเป็นถ่านหินอัดทับกันอยู่ใต้ดิน
250 ล้าน BC เกิดการสูญพันธุ์ ยุคไดโนเสาร์ ภูเขาไฟใหญ่สุดปะทุ คาร์บอนไดออกไซต์เต็มบรรยากาศ 70% ของสิ่งมีชีวิตต้องสูญพันธุ์ จบยุคแคมเบียล การสูญพันธุ์เกิดขึ้นซ้ำๆ 5 ครั้งใน 500 ล้านปีที่ผ่านมาเป็นการสับเปลี่ยนไพ่ของสิ่งมีชีวิต

ไดโนเสาครองโลก 160 ล้านปีต่อมา
สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมยังไม่สามารถเอาชนะไดโนเสา
ป่าไม้เนื้อแข็งชนิดแรกของโลกเกิดขึ้น
ความถ่วงของดวงจันทร์ปรับโลกให้มีวันละ 24 ชม.อย่างสม่ำเสมอ
ทวีปเริ่มรวมตัวเป็นทวีปเดียวเรียกว่า "แพนเชีย"
แต่ตอนนี้เริ่มแยกตัวออกจากกัน
แอฟริกาแยกตัวจากอเมริกาใต้เกิดมหาสมุทรแอตแลนติค
65 ล้าน BC สิ้นสุดยุคไดโนเสา วัตถุกว้าง 6 ล้านไมล์พุ่งชนโลก ฝุ่นปิดกั้นดวงอาทิตย์ อุณหภูมลดต่ำลง สิ่งมีชีวิตที่หนักว่า 50 ปอนด์สูญพันธุ์ ยุคไดโนเสาสิ้นสุดลง สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเริ่มแพร่พันธุ์ วิวัฒนาการให้มีดวงตาด้านหน้าเพื่อรับรู้มิติ มีมือที่บังคับได้พร้อมนิ้วมือทั้ง 5
50 ล้าน BC เกิดหินปูน ทวีปแยกตัว อเมริกาและแอฟริกามีรูปร่างเกือบสมบูรณ์ แอฟริกาทางเหนือจมใต้ทะเลเปลือกของสัตว์โบราณที่มีแคลเซียมกองสะสมนานหลายล้านปีก่อตัวเป็นหินปูน
10 ล้าน BC โลกเย็นลง โลกมีรูปร่างคล้ายปัจจุบัน เกิดแม่น้ำโคโลราโด เกิดแกรนด์แคนยอน เทือกเขาหิมาลัยสูงแบ่งอากาศทำให้โลกเย็นลง คอคอดปานามาเชื่อมอเมริกาเหนือและใต้แบ่งแยกกระแสน้ำทะเลเร่งให้โลกเข้าสู่ยุคน้ำแข็ง
7 ล้าน BC บรรพบุรษของมนุษย์เดิน 2 เท้า บรรพบุรุษของมนุษย์อาศัยอยู่บนต้นไม้ เกิดหญ้าพร้อมกันทั่วโลก ทุ่งหญ้ารุกล้ำเขตป่าไม้ดั้งเดิม ต้นไม้และอาหารเหลือน้อยลิงต้องอพยพไปที่อื่น ลิงต้องยืดส่วนหัวขึ้นให้พ้นต้นหญ้าเพื่อมองหาผู้ล่า เดิน 2 เท้าและมือเคลื่อนที่อิสระ
เวลา
ยุคสมัย
เหตุการณ์หลัก รายละเอียด
2.6 ล้าน BC
ยุคหิน
รู้จักใช้หิน มนุษย์ยุคแรกเอาซิลิคอนแผ่นบางๆทำเป็นมีด ค้อน เครื่องตัด
800,000 BC รู้จักใช้ไฟ ดาวเคราะห์และดาวอื่นมีลาวาแต่โลกเท่านั้นที่มีไฟ (เชื้อเพลิง ความร้อนและออกซิเจน) มนุษย์ใช้ไฟในการปรุงอาหารทำให้อาหาปล่อยแคโลรี่มากขึ้ พลังงานมากขึ้นเพื่อรองรับสมองที่ใหญ่ขึ้นได้
200,000 BC ใช้เสียงสื่อสาร กล่องเสียงมนุษย์ยุคใหม่ได้พัฒนาให้มีเสียงเชิงซ้อนมากขึ้น มีการสื่อสาร แบ่งปันข้อมูล
100,000 BC ย้ายถิ่นฐาน มนุษย์ย้ายถิ่นฐานได้ มีมือที่คล่องแคล่ว มีเครื่องมือ มีไฟ มีการสื่อสาร มนุษย์ย้ายจากแอฟริกา ทวีปยกตัวเชื่อมแอฟริกาและยูเรเชียต่อเป็นแผ่นดินใหญ่ มนุษย์ตอนนี้กระจายไปทั่วโลก
50,000 BC เข้ายุคน้ำแข็ง ธารน้ำแข็งเคลื่อนตัวจากขั้วโลกเหนือ มนุษย์อพยพกันต่อไป ไปจีนออสเตรเลีย
30,000 BC มนุษย์มาถึงยุโรป มนุษย์มาถึงยุโรปเป็นครั้งแรก
20,000 BC วาดภาพเชิงสัญลักษณ์ ยุคน้ำแข็งเป็นยุคที่ลำบากสุดแต่มนุษย์ก็อยู่รอดมาได้ มนุษย์มาถึงทุ่งน้ำแข็งทุนดราของไซบีเรียพัฒนาความสามารถท้ายสุดซึ่งจำเป็นต่อการเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์คือการวาดรูปภาพเชิงสัญลักษณ์ ทำให้มนุษย์แตกต่างจากสายพันธุ์อื่น
12,000 BC มนุษย์กระจายอยู่ทั่วโลก มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตเดียวที่ไม่สูญพันธุ์ไม่ว่าจะเป็นอาศัยอยู่ฝั่งทะเลหรือภูเขา น้ำแข็งหรือทะเลทราย มนุษย์เดินทางผ่านทางเชื่อมน้ำแข็งไปอเมริกาใต้ ทำให้มนุษย์กระจายไปทั่วโลก
6,000 BC มีการพัฒนาหลายๆด้าน ตอนนี้น้ำแข็งเริ่มละลาย แผ่นดินเริ่มชัดขึ้น แผนที่ชัดขึ้น เกิดแม่น้ำในหลายๆทวีป อากาศอบอุ่นขึ้น มนุษย์เลือกที่จะหยุดการย้ายถิ่นหันมาตั้งถิ่นฐานถาวร ประชากรมากขึ้น รู้จักวิธีเพิ่มปริมาณอาหาร เรียนรู้การหว่านเมล็ดเช่นอ้อย ข้าวสาลี ข้าวบาเล่ย์ ทางตะวันออกกลางเป็นแหล่งปลูกพืชเลี้ยงสัตว์ที่ดีที่สุด การเพาะเลี้ยงสัตว์ปูทางให้เกิดเมือง
5,000 BC เกิดการค้าขาย เชื่อมโยงอารยธรรม มนุษย์ปักหลักใกล้แม่น้ำ มีการค้าขายและการสื่อสาร ลาก่อให้เกิดการค้าขาย ขนถ่ายสินค้าและเชื่อมโยงอารยธรรม
4,000 BC
ยุคโลหะ , สมัยโบราณ
เรียนรู้การฝึกม้า มนุษย์ในเอเชียกลางเรียนรู้การฝึกม้าครั้งแรกเพื่อใช้เป็นพาหนะ ทำงานและสงคราม ม้าสูญพันธุ์จากอเมริกา แต่ผู้ที่ค้นพบอเมริกาครั้งแรกนำม้าไปด้วยและเพาะเลี้ยงในอเมริกา
3,000 BC เกิดเมือง เกิดกองกำลัง เกิดการเมือง เกิดรัฐบาล การตั้งถิ่นฐานของชาวสุเมเรียนเรียกว่าเมือง ประชากร 50,000 คนในพื้นที่ 1 ตารางไมล์ เกิดการซื้อขาย เมืองยุคแรกๆพืชมีความสำคัญมาก การเพาะปลูกทำได้ปีละ 1 ครั้ง มนุษย์จึงต้องมีการจดบันทึก วางแผน สร้างงานเขียน สร้างกองกำลังเพื่อปกป้องผลผลิต เมื่อจำเป็นต้องบัญชาการกองทัพการเมืองจึงเริ่มขึ้น เมื่อมีคนเยอะจำเป็นต้องมีรัฐบาล
2,000 BC สิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ มีการสร้างอนุสาวรีย์ขนาดใหญ่เช่น ปิรามิด สโตนเฮนจ์ การฉาบสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ มีการเขียนบันทึก มีรถม้า
1,200 BC ยุคเหล็ก ช่างตีเหล็กค้นพบวิธีการตีเหล็กที่อุณหภูมิสูงแทนการใช้ทองแดงหรือดีบุก
600 BC เกิดกองทหารม้า กองทหารม้าได้เริ่มขึ้น มนุษย์ใช้ม้าในการทำสงคราม ม้าและอาวุธเหล็กทำให้เป็นกองกำลังที่แข็งแกร่ง

500 BC อาณาจักรเปอเซียน 2.1 ตารางไมล์
323 BC อาณาจักรอเล็กซานเดอร์ 2 ตารางไมล์
50 BC อาณาจักรฮั่น 2.3 ตารางไมล์
117 AD อาณาจักรโรมัน 1.9 ตารางไมล์

อาณาจักรแผ่ขยายอยู่ภายใต้การควบคุมของศูนย์กลาง
ความเชื่อใหม่ในแนวคิดในพระเจ้าองค์เดียวก่อให้เกิดศาสนายิว คริสต์ อิสลาม
พุทธ ฮินดู
100 BC เกิดเส้นทางสายไหม จักรพรรดิ์จีนส่งคณะเดินทางไปตะวันตกเพื่อหาพันธมิตรเกิดเป็นเส้นทางสายไหมเชื่อมจีนข้ามเอเชียกลางสู่โรมัน เส้นทางการค้าได้นำพาโรคระบาดและศาสนามาด้วย
312 AD
สมัยกลาง
กษัตริย์แห่งอาณาจักรโรมันได้นับถือคริสศาสนา คอนสแตนติน กษัตริย์แห่งอาณาจักรโรมันได้นับถือคริสศาสนา จึงปูทางให้เป็นศาสนาหลักของยุโรปและตะวันตก
600 AD โรคระบาดครั้งใหญ่ เกิดศาสนาอิสลาม เส้นทางการค้าได้นำพาโรคระบาดครั้งใหญ่และศาสนามาด้วย เกิดศาสนาอิสลาม
1,000 AD การค้าขายชาวอาหรับเจริญรุ่งเรือง ชาวอาหรับอยู่ใจกลางศูนย์รวมการค้ามีอิทธิพลต่อการเชื่อมโลก ชาวอาหรับแล่นเรือค้าขายถึงจีน ใช้อูฐเดินทางข้ามทะเลทรายซาฮารา ค้าขายไปทั่วโลก เกลือ พืช กระดาษและแนวคิดอื่นๆกระจายไปทั่วโลกเช่นกัน
ย่านชาวอิสลามในแอฟริกาเหนือพ่อค้าชาวอิตาเลียนเริ่มระบบการนับแบบง่ายๆแต่ใช้การได้ดี เผยแพร่สู่ยุโรปและทั่วโลกใช้การนับอย่างเดียวกัน การค้าเจริญรุ่งเรืองคนในปัจจุบันจึงใช้จำนวนอารบิก
1,200 AD ชาวจีนค้นพบดินปืน ชาวจีนค้นพบสูตรทางเคมีที่ทำให้ตายโดยผสมคาร์บอน กำมะถันและดินปะสิวได้เป็นดินปืน สูตรทำดินปืนได้ข้ามผ่านเส้นทางสายไหมสู่ชาวอาหรับในที่สุด
1,492 AD เกิดอารยธรรม กรุงโรมล่มสลาย ค้นพบอเมริกา มีคนบนโลก 400 ล้านคน อารยธรรมแอสเทค มายัน อินคาเกิดขึ้นในอเมริกา กรุงโรมล่มสลายเกิดเป็นรัฐอิสระ
คริสโตเฟอโคลัมบัสชาวอิตาลีโน้มน้าวเงินทุนจากผู้ปกครองชาวยุโรป พระราชาและราชินีสเปนสนับสนุนการเดินทางของเขาเพื่อหาดินแดนทางอินเดีย แต่เขากลับพบเส้นทางใหม่คืออเมริกา
1,700 AD
สมัยใหม่
การปฎิวัติอุตสาหกรรม มนุษย์ยังเรียบง่ายเหมือนโบราณ รู้จักใช้พลังงานจากถ่านหินคู่กับสิ่งประดิษฐ์ สิ่งประดิษฐ์แรกคือเครื่องสูบน้ำพลังไอน้ำที่มาจากเกิดจากการเผาถ่านหิน ทำให้ปลดปล่อยขีดจำกัดจากพลังงานมนุษย์ การปฎิวัติอุตสาหกรรมเกิดการคิดค้น เครื่องยนต์สันดาปเกิดเป็นรถยนต์ น้ำมันกลายเป็นสินค้าสำคัญ ต่อจากนั้นมีโทรเลข โทรศัพท์ ไฟฟ้า
1,800 AD อำนาจเปลี่ยนถ่ายมาสู่ตะวันตก เครือข่ายการค้าได้ขยายมาสู่อเมริกา อำนาจเปลี่ยนถ่ายมาสู่ตะวันตก มีการถ่ายเทพันธุ์พืชไปทวีปต่างๆ ประชากรเป็น 900 ล้านคน ช่วงหลายปีของการเดินทางของโคลัมบัสได้ฆ่าประชากรท้องถิ่นไปถึง 95% ด้วยปืนและโรคติดต่อ ชาวยุโรปใช้แรงงานทาสปลูกอ้อยเพื่อทำน้ำตาล ชาวยุโรปควบคุมพื้นที่กว่า 35% บนโลก
1,900 AD ชาวยุโรปควบคุมพื้นที่ 85% บนโลก ชาวยุโรปควบคุมพื้นที่ 85% บนโลก
2,000 AD 1900-2000 เกิดสงคราม เชื้อเพลิงส่งเสริมทุกด้านรวมถึงสงครามด้วย คนถูกค่าฆ่าตายจากสงครามมาก ประชากร 6,000 ล้านคน
ปัจจุบัน สมัยปัจจุบัน ประชากร 7,000 ล้านคน

แหล่งข้อมูล

No comments:

Post a Comment

Comment here!