15 August 2012

บันทึกหลังตื่น


เมื่อคืนกว่าจะได้คุยกับณีก็ปาตีหนึ่ง เวลาขณะนั้นเป็นเวลาที่ผมควรจะได้นอน แต่ใจผมก็สั่งโทรหาเธอ เพราะเมื่อคืนเธอเพิ่งจะผ่านเรื่องเลวร้ายประหนึ่งมีหิน10ตันหล่นทับ

"ฮัลโหล...อืม" ณีตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
ผมถามคำถามพอแสดงให้เห็นถึงความห่วงใย "ทำไรอยู่" "เลิกงานกี่โมง" "ได้คุยอะไรกันบ้างไม๊" "เค้ามีที่ท่าเป็นไงบ้าง" "ทะเลาะกันอีกหรือเปล่า"
แต่ประโยคเหล่านั้นดูเหมือนจะผ่านหูเธอไปแผ่วเบา
เธอตอบแต่ละคำถามอย่างค่อยๆคิด ราวกับมีเรื่องอะไรหนักใจเธอมากกว่าที่จะมาตอบคำถามสั่วๆเหล่านี้ จนสุดท้ายเธอจึงยอมเอ่ยปากถามผมถึงเรื่องที่จมลึกอยู่ในหัวใจเธอตอนนี้

"เธอคิดยังไงกับเรา เรายังไม่ค่อยมั่นใจในตัวเธอ" เสียงเธอสั่นเล็กน้อยเมื่อถามคำถามนี้
เหมือนกับโดนตบหน้าอย่างแรง นี่เราทำถึงขนาดนี้แล้วเค้ายังไม่รู้สึกเชื่อใจเราอีกเลยหรือ? ผมจึงพยายามพร่ำบอกถึงความพยายาม ความอดทนที่ผมต้องมีกับเรื่องระหว่างเรา การรอคอยต่างๆมันช่างเจ็บปวดยิ่งนัก
น้ำเสียงของเธอดูผ่อนคลายความกังวลลง ผมจึงเปิดโอกาสให้เธอได้พูด

"แมวมันโทรมาบอกว่า เมื่อเช้ามีคนไปโพสต์ด่ามันในเฟส"
"แมวบอกกับรุจว่า แมวพยายามที่จะห้ามณีแล้วแต่ณีไม่ฟัง"
"ต้องเค้าก็ไม่ใช่คนดีอะไรมาก แมวบอกแล้ว"
"แมวคบกับณีมา20 กว่าปี แต่ณีกลับไปเลือกคนที่เพิ่งรู้จัก"
ผมโกรธจนลืมความง่วงไปในทันที อากาศเย็นกลางดึกไม่พอจะกลบความร้อนใจหัวใจผมไปได้ ผมนิ่งอยู่พักเพื่อบรรเทาอารมณ์ที่พุ่งพล่าน หลายๆอย่างที่ณีเล่ามาทำให้ผมคิดย้อนกลับไปได้ว่า นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอไม่สบายใจสินะ ผมพยายามคิดให้ลึกลงมากกว่าคำพูดที่ที่ได้ยินจากปากของณี

นังแม่มดมันคงจะคัดสรรค์แต่เรื่องที่ทำให้เราเลือกกันมาพูด ผมพอจะเดาบางประโยคที่นังแม่มดสนทนากับรุจออก
"ต้องมันก็ไม่ค่อยแน่ใจณีเท่าไหร่หรอก"
"ต้องมันจะไปตั้งหลายทีแล้ว แมวเตือนณี ณีก็ไม่ฟัง"
"ต้องมันก็แค่ขายของในอินเตอร์เนต เทียบกับรุจไม่ได้หรอก"

ในขณะที่ผมคิดอยู่นั้น ดังเหมือนเสียงระฆังช่วยชีวิตเอาไป
"เธอ เรานอนก่อนนะ ง่วงมาก"
ผมเหลือบดูเวลาก็ปาเข้าไปตี2 พลางคิดไปถึงเวลาที่คุยกับณีเมื่อคืน
ใช่แล้วคืนก่อนเธอนอนไปแค่ 2 ชม. เองนี่
ผมจึงตัดใจ ราตรีสวัสดิ์กับเธอ

No comments:

Post a Comment

Comment here!