เมื่อคืนกว่าจะได้คุยกับณีก็ปาตีหนึ่ง
เวลาขณะนั้นเป็นเวลาที่ผมควรจะได้นอน แต่ใจผมก็สั่งโทรหาเธอ
เพราะเมื่อคืนเธอเพิ่งจะผ่านเรื่องเลวร้ายประหนึ่งมีหิน10ตันหล่นทับ
"ฮัลโหล...อืม" ณีตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย
ผมถามคำถามพอแสดงให้เห็นถึงความห่วงใย
"ทำไรอยู่" "เลิกงานกี่โมง" "ได้คุยอะไรกันบ้างไม๊"
"เค้ามีที่ท่าเป็นไงบ้าง" "ทะเลาะกันอีกหรือเปล่า"
แต่ประโยคเหล่านั้นดูเหมือนจะผ่านหูเธอไปแผ่วเบา
เธอตอบแต่ละคำถามอย่างค่อยๆคิด
ราวกับมีเรื่องอะไรหนักใจเธอมากกว่าที่จะมาตอบคำถามสั่วๆเหล่านี้
จนสุดท้ายเธอจึงยอมเอ่ยปากถามผมถึงเรื่องที่จมลึกอยู่ในหัวใจเธอตอนนี้
"เธอคิดยังไงกับเรา
เรายังไม่ค่อยมั่นใจในตัวเธอ" เสียงเธอสั่นเล็กน้อยเมื่อถามคำถามนี้
เหมือนกับโดนตบหน้าอย่างแรง
นี่เราทำถึงขนาดนี้แล้วเค้ายังไม่รู้สึกเชื่อใจเราอีกเลยหรือ? ผมจึงพยายามพร่ำบอกถึงความพยายาม
ความอดทนที่ผมต้องมีกับเรื่องระหว่างเรา การรอคอยต่างๆมันช่างเจ็บปวดยิ่งนัก
น้ำเสียงของเธอดูผ่อนคลายความกังวลลง
ผมจึงเปิดโอกาสให้เธอได้พูด
"แมวมันโทรมาบอกว่า
เมื่อเช้ามีคนไปโพสต์ด่ามันในเฟส"
"แมวบอกกับรุจว่า แมวพยายามที่จะห้ามณีแล้วแต่ณีไม่ฟัง"
"ต้องเค้าก็ไม่ใช่คนดีอะไรมาก แมวบอกแล้ว"
"แมวคบกับณีมา20
กว่าปี แต่ณีกลับไปเลือกคนที่เพิ่งรู้จัก"
ผมโกรธจนลืมความง่วงไปในทันที
อากาศเย็นกลางดึกไม่พอจะกลบความร้อนใจหัวใจผมไปได้
ผมนิ่งอยู่พักเพื่อบรรเทาอารมณ์ที่พุ่งพล่าน หลายๆอย่างที่ณีเล่ามาทำให้ผมคิดย้อนกลับไปได้ว่า
นี่คงเป็นสาเหตุที่ทำให้เธอไม่สบายใจสินะ
ผมพยายามคิดให้ลึกลงมากกว่าคำพูดที่ที่ได้ยินจากปากของณี
นังแม่มดมันคงจะคัดสรรค์แต่เรื่องที่ทำให้เราเลือกกันมาพูด
ผมพอจะเดาบางประโยคที่นังแม่มดสนทนากับรุจออก
"ต้องมันก็ไม่ค่อยแน่ใจณีเท่าไหร่หรอก"
"ต้องมันจะไปตั้งหลายทีแล้ว แมวเตือนณี ณีก็ไม่ฟัง"
"ต้องมันก็แค่ขายของในอินเตอร์เนต เทียบกับรุจไม่ได้หรอก"
ในขณะที่ผมคิดอยู่นั้น
ดังเหมือนเสียงระฆังช่วยชีวิตเอาไป
"เธอ เรานอนก่อนนะ ง่วงมาก"
ผมเหลือบดูเวลาก็ปาเข้าไปตี2 พลางคิดไปถึงเวลาที่คุยกับณีเมื่อคืน
ใช่แล้วคืนก่อนเธอนอนไปแค่
2 ชม. เองนี่
ผมจึงตัดใจ
ราตรีสวัสดิ์กับเธอ
No comments:
Post a Comment
Comment here!